แนวคิดทฤษฎีเพื่อนช่วยเพื่อนของเดวีส์ กับการประยุกต์ใช้ในการสอน
แนวคิดทฤษฎีเพื่อนช่วยเพื่อนของเดวีส์ กับการประยุกต์ใช้ในการสอน

แนวคิดทฤษฎีเพื่อนช่วยเพื่อนของเดวีส์ กับการประยุกต์ใช้ในการสอน

บทความเพื่อครูและผู้ปกครอง – เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

1. บทนำ

การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้เน้นเพียงการถ่ายทอดความรู้จากครูไปสู่ผู้เรียนเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ร่วมกัน การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหมู่เพื่อน หนึ่งในแนวคิดที่ได้รับความสนใจคือ “แนวคิดทฤษฎีเพื่อนช่วยเพื่อน” ของ เดวีส์ (Davies) ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้เรียนสามารถทำหน้าที่เป็นทั้งผู้สอนและผู้เรียนได้ในเวลาเดียวกัน

การเรียนรู้ร่วมกันของนักเรียน

2. ความหมายและแนวคิดหลักของทฤษฎีเพื่อนช่วยเพื่อนของเดวีส์

ทฤษฎีเพื่อนช่วยเพื่อนของเดวีส์ (Peer Tutoring Theory by Davies) เน้นการที่ผู้เรียนมีบทบาทในการช่วยเหลือ แนะนำ และสอนเพื่อนในกลุ่มเดียวกันหรือระดับชั้นที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งช่วยให้เกิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) และสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี

  • ผู้เรียนมีบทบาทเป็นทั้ง “ผู้สอน” และ “ผู้เรียน”
  • การแลกเปลี่ยนความรู้ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง
  • สร้างความมั่นใจและทักษะการสื่อสาร
นักเรียนอธิบายให้เพื่อนฟัง

3. หลักการสำคัญของเดวีส์

เดวีส์เสนอว่า การเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนควรมีองค์ประกอบหลัก ดังนี้

  1. ความสมัครใจ – ทั้งผู้สอนและผู้เรียนต้องเต็มใจ
  2. ความใกล้ชิดทางวัยหรือระดับชั้น – เพื่อให้เข้าใจปัญหาและภาษาในการสื่อสาร
  3. การมีเป้าหมายร่วม – เช่น การสอบ การทำโครงงาน
  4. การติดตามและประเมินผล – เพื่อปรับปรุงและแก้ไข

4. การประยุกต์ใช้ในบริบทการสอนปัจจุบัน

ปัจจุบัน การใช้แนวคิดเพื่อนช่วยเพื่อนถูกนำไปใช้ทั้งในห้องเรียนแบบปกติ และการเรียนออนไลน์ ตัวอย่างเช่น:

  • การทำงานกลุ่มย่อยให้เพื่อนอธิบายบทเรียน
  • การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้เพื่อนช่วยกันแก้โจทย์
  • การจับคู่พี่เลี้ยงในโรงเรียนเพื่อช่วยนักเรียนใหม่
เพื่อนช่วยเพื่อนในห้องเรียน

5. ตัวอย่างแผนการสอน (Lesson Plan)

วิชา: วิทยาศาสตร์ ม.3
หัวข้อ: การสังเคราะห์ด้วยแสง
วัตถุประสงค์:
  • อธิบายขั้นตอนการสังเคราะห์ด้วยแสงได้
  • ทำงานร่วมกับเพื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมการเรียนรู้:
  1. ครูอธิบายบทนำ (10 นาที)
  2. แบ่งนักเรียนเป็นคู่ ให้คนหนึ่งรับบทเป็น “ครู” อธิบายขั้นตอนการสังเคราะห์ด้วยแสงให้เพื่อนฟัง (15 นาที)
  3. สลับบทบาทกัน (15 นาที)
  4. อภิปรายและสรุป (10 นาที)
การประเมินผล: ใช้แบบทดสอบสั้นและการสังเกตพฤติกรรม

6. ข้อดีและข้อจำกัด

ข้อดี

  • เพิ่มความเข้าใจเนื้อหา
  • พัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน
  • ลดความกดดันระหว่างครูกับนักเรียน

ข้อจำกัด

  • หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดการสื่อสารข้อมูลผิด
  • ผู้เรียนบางคนอาจไม่มั่นใจในการสอนเพื่อน

เอกสารอ้างอิง

Davies, P. (2000). Peer tutoring: Theoretical framework and practical applications. Education Journal, 45(3), 112-120.

Johnson, D. W., Johnson, R. T., & Holubec, E. J. (2013). Cooperation in the classroom. Interaction Book Company.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

จัดทำโดย ทีมวิชาการเพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน © 2025